Contour Drawing หลายคนฉงนสงสัย ทั้งไม่เข้าใจและไม่แน่ใจ บ้างไม่เชื่อ ซึ่งไม่ใช้เรื่องแปลกสำหรับแบบฝึกหัดนี้ แค่จะไห้ผมอธิบายก็ยากพอสมควร แต่แท้ที่สุดแล้วศิลปินเก่งๆระดับโลกหลายคนฝึกทักษะนี้เป็นกิจวัตร และหลายคนเอาสิ่งนี้มาสร้างผลงานหรืออยู่ในผลงานได้อย่างอัศจรรย์
แปลเป็นไทย ว่า การใช้ประสาทสัมผัสวาด , การวาดด้วยประสาทสัมผัส แต่ผมชอบพูดมันว่า “ประสาทสัมผัสแห่งการวาด” ดูให้ความสำคัญกับเรื่องประสาทดี 555 ซึ่งบอกแค่นี้ก็ไม่เข้าใจแน่นอน
Contour Drawing สำคัญที่สุดคือการมองรายละเอียดเล็กๆ มองให้เล็กที่สุด ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เป็นการเพ่งพินิจ ZOOM IN เข้าไป จงเชื่อว่าเราจะเห็นสิ่งที่เราไม่ยอมเห็นมาก่อน ทำไมผมถึงใช้คำว่าไม่ยอมเห็น เพราะคนทั่วไปคิดว่ารายละเอียดเล็กๆเป็นเรื่องเสียเวลา แม้กระทั้งเส้นตรงที่เราคิดว่ามันคงเป็นอยู่แค่นั้น เมื่อเราเพ่งมันจริงๆ แล้วใช้สายตาเดินทางสำรวจมันไปเรื่อยๆ จากจุดเริ่มต้นให้สายตาคุณก้าวต่อไปดุจเข็มวินาทีที่เป็นจังหวะเที่ยงตรงสม่ำเสมอ คุณไม่ควรคิดว่ามันสิ้นสุดที่ตรงไหน เพราะเมื่อคุณคิดมันจะทำให้สายตาคุณกระโดดข้ามรายละเอียดไปอย่างอัตโนมัติ ในขณะที่สายตาพาสมาธิคุณเดินไปตามเส้นคุณก็จะเห็นว่าแท้จริงนั้นเส้นตรงหรือเส้นต่างๆนั้นมีรายละเอียดที่ไม่สมบูรณ์รวมเป็นส่วนหนึ่งของมัน มันคดนิดนึง มันหยักนิดๆ มันบาง มันหนา มันออกนอกลู่ทางไปกระจึ๋งนึง แต่สุดท้ายความไม่สมบรูณ์เหล่านี้จะรวมเป็นความสมบูรณ์ของเส้นเพราะวิถีของเส้นมันถูกต้อง (จุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดมันตรง มันใช่)
เมื่อคุณเห็นในสิ่งเหล่านี้ได้แสดงว่าคุณได้ใช้การมองประดุจศิลปินผู้เก่งกาจแล้ว จากนั้นสิ่งที่จะยืนยันว่าคุณเห็นเช่นนั้นจริงๆ คือการสั่งการจากสมองไปสู่มือ มือผ่านปลายดินสอหรือปากกา อะไรก็ได้ที่เอามาเขียนได้แม้กระทั่งขี้เล็บ สั่งการมันลงสู่กระดาษ หากสายตาคุณเดินทางไปตรงจุดใด ปลายดินสอคุณจะเขียนจุดนั้นอยู่ ถ้าคุณเพ่งมันอย่างมีสมาธิจริงๆ คุณจะไม่สามารถมองกระดาษได้ (แต่ผมขอสั่งเป็นคำขาดว่าห้ามมองกระดาษ สมาธิคุณจะหลุดและไม่ได้ช่วยให้คุณได้อะไรจากงานนี้เลยนอกจากทำเป็นหลอกคนอื่นว่าแม่น แต่ผมดูออกนะว่าหลอก) และให้ความเร็วประดุจเข็มวินาที ช้าและสม่ำเสมอ
หากประสาททั้ง 3 ตา สมอง มือ สัมพันธ์กันเหมือนฟันเฟืองของนาฬิกา ภาพที่แสดงออกมาก็จะมีรายละเอียดตรงตามที่ตาคุณได้เห็น เห็นมากก็ออกมามาก และภาพจะแสดงบุคลิกของเส้นแต่ละช่วงๆได้อย่างสมจริง แม้ว่ามันอาจจะบิดเบี้ยวไปบ้างก็อย่าได้แคร์ เพราะมันยืนยันว่าคุณเป็นมนุษย์ยังมีความไม่สมบูรณ์อยู่ มันคือธรรมชาติ ถ้าคุณเห็นถึงขนาดขี้ผงเล็กๆมาติดอยู่บนเส้นตรงนั้น หรือความบิ่นของเส้น ก็ขอให้แสดงศักยภาพออกมาลงในกระดาษด้วย
หลักสำคัญของมันมีไม่มาก คือ เราต้องให้ความสำคัญของสิ่งที่เราเห็น (การรับรู้ทาง “ตา”) และ ถ่ายทอดสิ่งที่เราเห็นออกมาทางปลายดินสอ (การสั่งการทาง “มือ”) โดยมีตัวกลางคือ “สมอง” คุณจะต้องทำให้สมองมีสมาธิ ว่างเปล่า ให้มันพร้อมที่จะทำงานเพื่อแค่ ตา กับ มือ เท่านั้น หากคิดเรื่องอื่นรายละเอียดจะหลุด หากคิดว่าภาพในกระดาษจะเป็นอย่างไร สวยไหม เหมือนไหม รายละเอียดจะหลุด เพราะสมองจะเปลี่ยนไปเป็นทำงานเพื่อจินตนาการ (ภาพที่คิด) ไม่ใช่การทำงานเพื่อถ่ายทอดภาพที่เห็น
ฝรั่งนำ Contour Drawing ไปไว้ใช้ฝึกสมาธิให้เด็กในการเรียนวิชาอื่นด้วยนะครับ ในไทยก็มี ร.ร. ที่มีการสอนที่ทันสมัยเอาไปใช้เช่นกัน คนที่นั่งสมาธิไม่ได้นั่งแล้วหลับเพราะสิ่งที่จดจ่อคือลมหายใจนั้นมันยาก แต่ Contour Drawing จะทำให้การจดจ่อนั้นสนุกขึ้น
การฝึกอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอจะทำให้คุณมีการสังเกตุที่ดีทั้งรายละเอียดและโครงสร้าง ภาพวาดของคุณจะรื่นไหลขึ้น เส้นเป็นธรรมชาติ และถ่ายทอดภาพที่เห็นออกมาได้อย่างรวดเร็วและเป็นอัตโนมัติ
นอกจากนั้นจะทำให้คุณมีสายตาที่ละเอียดอ่อนไหว ผู้ใดมีสถานะเป็นภรรยา ก็สามารถนำสายตาศิลปินนี้ไปจับผิดผัวได้ครับ “อ้าวเอ๊ะทำไมเส้นด้ายของกระดุมเม็ดที่สองเริ่มเกิดปฏิกิริยาที่แสดงว่าจะขาด” “ทำไมบนเสื้อของเขาถึงมีรอยแดงๆเหมือนลิปติก” แต่ก็ขอให้แค่เอาไปใช้สังเกตุสิ่งต่างๆรอบตัวอย่างเดียว อย่านำเอาคิดมากจนกระทั่งกลายเป็นคนบ้า (ผมเคยทำมาแล้ว55) จะทำให้คุณอ่อนไหวและละเอียดอ่อนกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นรอบตัว คุณอาจเห็นพระอาทิตย์ยามเย็นที่ต่างไปจากแต่ละวัน เห็นความงามใบไม้แห่งเหี่ยว เห็นนกน้อยที่แอบนอนสบายอยู่ริมขอบถนน เห็นก้อนขี้ตรงหน้าแต่อาจสั่งการขาไม่ทันก็เหยียบมันเสียแล้ว 55 ถ้าจะให้ทันก็คงต้องฝึกใช้เท้าวาดด้วย ล้อเล่น คงทำให้ชีวิตมีความแปลกใหม่และน่าตื่นเต้นขึ้นกว่าที่วันๆจะเอาแต่ตั้งใจถ่ายรูปตัวเองอัพลงเฟสจนลืมมองไปว่าสถานที่ที่คุณไปแต่ละแห่งนั้นมีรายละเอียดที่น่าอัพลงมากกว่าใบหน้าของคุณเอง บางครั้งผมวาดอะไรไม่ออกวาดไม่ได้ ก็ขึ้นรูปด้วยวิธีนี้แล้วค่อยตกแต่งภาพให้ถูกต้องอีกที หรือนำไปใช้พร้อมๆกันกับการขึ้นรูปเลย ภาพที่เคยแข็งอาจดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น ก็คงขึ้นอยู่กับว่าใครเอาไปประยุกต์ใช้ได้มากน้อยแค่ไหนครับ แต่สุดท้ายแล้วเมื่อสายตามีการสังเกตุที่ละเอียดขึ้นคุณก็จะมีศักยภาพในการวาดที่กว้างขึ้น
สุดท้ายนี้ก็ขอให้ทุกคนสนุกกับศิลปะ และตื่นเต้นที่จะเรียนรู้เรื่องใหม่ๆเสมอนะครับพี่น้องหัวใจมีศิลป์
(ผิดพลาดประการใดก็ช่วยชี้แนะ แนะนำส่งเสริมด้วยนะครับ เพื่อความรู้แด่วงการศิลปะ ขอบคุณครับ)
เขียนโดย ครูอะไหล่ (ชวัส จำปาแสน)