เรียนสถาปัตย์ จบมามีงานทำหรือไม่ เงินดีรึเปล่า

เรียนสถาปัตย์ จบมามีงานทำหรือไม่ เงินดีรึเปล่า

เรียนสถาปัตย์จบมามีงานทำหรือ? คำถามนี้เป็นคำถามเก่าแก่มากกกก…ตั้งแต่สมัยพี่สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วครับ (พี่สอบ ปี2542 ปีนี้ 2563 ก็ 21 ปีที่แล้ว 5555) เลยต้องเท้าความกันยาวเลยครับ ตั้งแต่ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ปี 2540วิกฤตินี้แหละเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญครับ ก่อนหน้านั้นเศรษฐกิจไทยเฟื่องฟู สถาปนิกเป็นอาชีพที่ผลตอบแทนสูงมาก มันเกิดขึ้นจากการก่อสร้างในประเทศที่ขยายตัวแบบสุดๆ ช่วงนั้นสถาปนิกเป็นอาชีพที่หล่อและรวยมากจริงๆ คุณภาพชีวิตดี life style สวยหรู แต่เนื่องจากงานของเรามันดันพ่วงไปกับภาคอสังหาริมทรัพย์ และการก่อสร้าง ซึ่งแสนจะอ่อนไหวกับสภาพเศรษฐกิจเหลือเกิน พอวิกฤติเศรษฐกิจเกิดปุ๊บ งานของเราก็ดิ่งลงเหวปั๊บ พูดได้ว่าตกงานกันเป็นเละเทะพวกแรกเลย สภาพนี่คือ เรียกว่าเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังได้เลยจริงๆ และยังลำบากกันยาวมาอีกหลายปีหลังจากนั้น ทำให้การรับรู้ของคนทั่วๆไปในรุ่นนั้นก็จะมองว่า “เป็นสถาปนิกไส้แห้ง!!!” ตกที่นั่งเดียวกับคนเรียนศิลปะ ที่ถูกเรียกว่าศิลปินไส้แห้ง แต่ก็แปลกนะครับ ด้วยความที่ว่าใจรัก หรือบ้าระห่ำ ทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมพี่ก็ยังเลือกที่จะ เรียนสถาปัตย์ อยู่ดี

เรียนสถาปัตย์ จบมามีงานทำหรือไหม?

เรียนสถาปัตย์

จากเหตุการณ์ในอดีตที่ว่ามา น่าจะทำให้เกิดภาพจำ ติดอยู่ในใจคนรุ่นเก่าจำนวนมากพอสมควร จากการได้พูดคุยกับผู้ปกครองจำนวนมาก ประมาณ 50% จะถามคำถามนี้ ว่า “จบมามีงานทำรึเปล่า” “รายได้เป็นยังไง” “มั่นคงไหม” จริงๆแล้วเป็นคำถามที่ตอบยากมากครับ เพราะปัจจุบัน รายได้และความมั่นคงมันเกี่ยวกับปัจจัยหลายอย่างมาก ที่นอกเหนือจากการเรียนจบคณะอะไร อย่างถ้าเป็นสมัยก่อน มันก็จริงที่คนเรียนหมอ เรียนวิศวะ จะมั่นคงกว่า รายได้สูงกว่าสถาปัตย์ เพราะ หมอกับวิศวะเป็นวิชาชีพที่จำเป็น ไม่ว่าโลกนี้จะเกิดอะไรขึ้น ยังไงก็ยังมีความต้องการหมอกับวิศวะอยู่ดี

ในปัจจุบันนี้

ระบบทุนนิยมได้ทำให้โลกเราเกิดการแข่งขันทางธุรกิจเรื่อยมา จนทุกวันนี้ได้มาถึงจุดที่ design กลายเป็นสิ่งจำเป็นเทียบเท่ากับเรื่องสุขภาพ และวิศวกรรม มาตรฐานคุณภาพชีวิตโดยรวมสูงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก

  • การกินอยู่
  • ท่องเที่ยว
  • เสื้อผ้า
  • หน้า ผม จำเป็นต้องดูดี design

ความสำคัญของสถาปนิก และนักออกแบบสาขาต่างๆ ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนไม่ได้ด้อยไปกว่า หมอหรือวิศวะแบบที่เคยเป็นเมื่อนานมาแล้วอีกต่อไป เรื่องความมั่นคงในปัจจุบัน งานสถาปัตย์ และงาน design อื่นๆ เป็นงานที่ค่อนข้างมั่นคงมาก  มีงานมากมายให้ทำตลอดเวลา เรียกได้ว่า ถ้าเก่งพอสมควร และเป็นคนที่ attitude ดี พูดรู้เรื่อง ก็หางานได้ไม่ยาก สามารถเริ่มต้นชีวิตการทำงาน แบบมีรายได้พอสมควร แม้นายได้เริ่มต้นจะไม่ได้มากมาย หรูหรา เท่ากับหมอหรือวิศวะ แต่ก็มีข้อได้เปรียบคือสามารถรับงานส่วนตัวทำนอกเวลาได้ตั้งแต่เริ่มทำงาน (จริงๆถ้าขยันมาก ก็เริ่มรับงานได้ตั้งแต่ตอนเรียน) โดยเริ่มจากเป็นลูกมือในทีมของสถาปนิกรุ่นใหญ่ แล้วค่อยๆไต่ไปรับงานเองเมื่อพร้อม งานอาจจะเหนื่อยกว่า กินเวลาชีวิตมากกว่าอาชีพอื่น แต่แลกมาด้วยรายได้จำนวนค่อนข้างมาก และการพัฒนาความสามารถได้อย่างก้าวกระโดด

เรียนให้จบนั้นไม่เพียงพออีกต่อไป

ไม่ใช่ว่า คนที่เรียนสถาปัตย์มาทุกคนจะได้งานดี รายได้ดี มีอนาคตสดใสไปซะทุกคน มันยังขึ้นอยู่กับอีกหลายๆปัจจัย โดยเฉพาะในยุคที่การแข่งขันค่อนข้างรุนแรงในสมัยนี้ คุณภาพของผลงานdesign ของแต่ละคนมีผลอย่างมาก แม้จะไม่ได้เกรดสวยงาม

  • แต่ตัวผลงานโดดเด่น น่าสนใจ
  • ยิ่งถ้ามีการรับงาน job ช่วยออกแบบงานของจริงกับอาจารย์หรือรุ่นพี่
  • การส่งงานออกแบบเข้าประกวด แม้ว่าจะไม่ได้ชนะ หรือได้รางวัล แต่ถ้างานแสดงถึงความสามารถ เอกลักษณ์ของตัวเอง สิ่งเหล่านี้ทำให้เราดูดี น่าสนใจกว่าเกรดสวยๆ หรือปริญญาเกียรตินิยมอันดับ1เหรียญทองมากๆ

ในปัจจุบันต้องมีอย่างอื่นควบคู่กันไปกับการเรียน

กลายเป็นว่าปัจจุบัน การสอบให้ติดที่ดีๆแล้วเรียนให้จบนั้นไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว เนื่องสายงาน design ต่างจากอาชีพอื่น ตรงที่มันมีตัวผลงานของเราเป็นตัวบอกว่าความสามารถเรามีแค่ไหนอย่างชัดเจน ไม่เหมือนกับหมอ หรือวิศวกร หรืออาชีพอื่น เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครเก่งหรือไม่เก่ง ในช่วงเริ่มต้นทำงาน สายอาชีพอื่นจึงต้องใช้เกรด และสถาบันที่เรียนจบมาเป็นตัววัดความสามารถ

  • สำหรับคนเรียนสายdesign หากต้องการประสบความสำเร็จมีงานที่ดีและก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว
  • ในช่วงที่เรียนมหาวิทยาลัย จำเป็นต้องทำอะไรมากกว่าแค่เรียนตามหลักสูตร
  • การรับ job การส่งงานประกวดแบบ
  • การทำกิจกรรมออกค่ายอาสา ทำละคร และอื่นๆ
  • การฝึกฝนเพิ่มความสามารถ เป็นการสร้าง connection ฝึกการทำงานเป็นทีม เป็นการสร้างผลงานไปพร้อมๆกันทีเดียว
  • สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของคนเรียนสาย design หลังจากเรียนจบไปแล้ว ว่าจะไปต่อได้ดีหรือไม่ดี มากกว่าผลการเรียนมาก

สุดท้ายขอฝากน้องๆที่อยาก เรียนสถาปัตย์

อย่ามัวแต่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน อย่าสนใจแต่เกรดอย่างเดียว ความสามารถที่แท้จริงเป็นสิ่งที่สำคัญกว่าเสมอ ไม่ใช่แค่ตอนเรียนจบ แม้แต่ตอนสอบเข้าในตอนนี้ มหาวิทยาลัยก็ให้ความสำคัญกับผลงานจริงมากกว่าเกรดแล้วนะครับ คณะสถาปัตย์ และคณะ design ส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับ admission รอบส่ง portfolio มากขึ้น จะเห็นว่าการรับเข้าจากรอบ portfolio มีจำนวนมากกว่าการรับเข้าจากการสอบ ดังนั้นใครที่ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะมาทางสถาปัตย์แล้ว พี่แนะนำให้แบ่งเวลาอย่างเพียงพอให้กับการฝึกฝนทักษะ, เรียนรู้องค์ความรู้ และจริงจังกับการสร้างผลงานที่แสดงความสามารถในการวาดและการออกแบบให้มากครับ

 

สามารถติดตาม viridian academy of art และ ช่องทางต่างๆได้ดังนี้

เบอร์โทรศัพท์ : 083-615-2391
Facebook : viridian academy of art
Line : @viridian
Instargram : viridian academy of art 
Email : viridian.academy.2019@gmail.com

บทความที่เกี่ยวข้อง